ชีวิตนักเรียนไทยในไอร์แลนด์ของข้าพเจ้า อืมจะเขียนยังไงดีหว่า ต้องเริ่มจากก็คงจะต้องเริ่มจากคำว่า ชีวิตนักเรียน ก็คงจะต้องมีหน้าที่หลักๆ อยู่สองอย่าง คือ มีชีวิตอยู่ และเรียน ซึ่งต้องให้จบภายในเวลาที่กำหนด (เอง) ส่วนนอกนั้นถือว่าเป็นเรื่องส่วนตัวไม่สามารถแนะนำกันได้

แต่จะว่าไปแล้วคนไทยที่มาอยู่ไอร์แลนด์ ถือว่าค่อนข้างโชคดีเพราะตามสภาพทั่วไปของประเทศ รวมทั้งผู้คนของไอร์แลนด์ นี่ค่อนข้างจะเหมือนกับเมืองไทยมาก แตกต่างกันเพียงแต่ว่ามองไปทางไหน แทนที่จะเห็นคนหัวดำหน้าตาไทยกลับเป็นหัวหลากหลายสี หน้าตาซีดๆ ที่เราเรียกกันว่าฝรั่งเดินอยู่ทั่วเมือง ทำไมถึงว่าเหมือนเมืองไทย ก็คงเพราะว่าประเทศไทยเป็นเกือบเป็นประเทศเดียวในโลกที่ผู้คนยิ้มได้ตลอดทั้งวัน ทั้งคืน ยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวัน เจ็ดวันต่อสัปดาห์ สี่สัปดาห์ต่อเดือน สิบสองเดือนต่อปี พูดง่ายๆ ว่ายิ้มได้ทั้งปีทั้งชาติ ซึ่งก็เหมือนกับคนที่นี่เพราะว่า เวลาเราไปไหน เราก็ติดนิสัยคนไทยเดินยิ้มไปทั่ว (เหมือนจะบ้าแต่ไม่บ้านะ) ที่ไอร์แลนด์ทุกคนก็จะยิ้มตอบกลับมา หยั่งกับจะบอกว่า ข้าฯบ้ากว่าเอง (ว่ะ) นี่ก็อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่าความประทับใจสูงสุดในประเทศนี้ แถมเขายังห่วงเราด้วยคอยถามเราทั้งวันว่า เป็นยังไงบ้าง สบายดีไหม ทั้งวัน ทั้งคืน ซึ่งก็เป็นส่วนดีเพราะจะทำให้เรากลับมานั่งสรรหาคำพูดที่ดูดีมากกว่าคำพูดติดปากมากกว่า ไอ้คำที่ใช้มาตั้งแต่ประถมยันจบออกมาทำงาน

สภาพสังคมของที่นี่ก็คล้ายๆ กันกับบ้านเรา ต่างกันจริงๆ ก็คือฝรั่งซื่อตรงต่อระเบียบและป้ายบังคับมากกว่าคนไทย แต่ว่าทุกอย่างต้องมีข้อยกเว้น (ฝรั่งใช่หุ่นยนต์ซะเมื่อไหร่) นี่เป็นส่วนสำคัญที่เราจะต้องปรับตัวและเรียนรู้เพราะว่า เวลาไปไหน ทำอะไร รวมกระทั่งจะกินอะไร เราต้องหัดมองซ้าย มองหาป้ายอ่านก่อน ซึ่งเชื่อได้ว่า ทุกที่ทุกแห่งจะต้องมีป้ายบรรยายคุณสมบัติ ถ้าหาไม่เจอ อย่าลังเลหรือเขินอายที่จะถาม ถามไปเลย บอกแล้วคนไอริชใจดี ถามไปเลย ไม่ต้องอาย ถึงเราจะพูดภาษาอังกฤษแบบเยอรมันแกรมมา ฝรั่งก็พยายามจะเข้าใจ

ส่วนทางด้านเศรษฐกิจ นี่ก็เป็นเรื่องสำคัญเพราะข้าวของที่นี่แพงกว่าบ้านเราเยอะ พอถึงตรง เราก็ต้องแก้ปัญหาโดย อัญเชิญผีเหย้าผีเรือนจากทุกๆ ที่มาเข้าสิงในตัวเรา โดยเปิดอ่านคาถาเรียกผี จากอินเตอร์เน็ต ว่าจะต้องเตรียมเครื่องเซ่น ยังไง ประกอบด้วยอะไรบ้าง หลังจากนั้นค่อยกลับมาฝึกหัดคาถากันเอาเอง ซึ่งจะได้ผีฝรั่งหรือผีไทยก็ต้องขึ้นอยู่กับความสามารถส่วนตัวละ แต่ขอบอกว่า อย่าท้อแท้ต้องคอยให้กำลังใจตัวเองเสมอว่าเราเป็นพ่อครัวหัวป่าก์ ไม่ใช่พ่อครัวห้าดาว (ไข่ดาวห้าวัน) ถือว่าเป็นการมาเข้าอบรมเจ้าสาว เอ้ย เจ้าบ่าว เอ้ยไม่ใช่ เข้าอบรมการเป็นพ่อบ้านแม่เรือนเสริมจากอาชีพนักเรียนนอกก็แล้วกัน ส่วนเคล็ดลับการทำอาหารก็คงต้องติดต่อสอบถามกันมาเป็นส่วนตัวนะฮ้า

เรื่องความเป็นอยู่โดยทั่วไป เชื่อแน่ว่าทุกคนอาจจะขลุกขลัก บ้างในเบื้องต้นก็คงจะต้องปรับตัวและพยายามหาจุดยืนให้ตัวเอง เร็วบ้างช้าบ้างแตกต่างกันไปตามแต่ละบุคคล แต่อย่าลืมสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องหมั่นให้กำลังใจตนเองตลอดเวลาเพราะว่ามาอยู่ไกลบ้านตนต้องเป็นที่พึ่งแห่งตน จะทำอะไรก็ต้องคอยชมตัวเอง (ตรงนี้คล้ายๆ จะบ้า แต่ว่ามันดีต่อสภาพจิตใจ มันทำให้เรามีสติ)

คนไทยส่วนใหญ่เป็นคนอัธยาศัยดี มีน้ำใจ กล้าหาญและอดทน เป็นคุณสมบัติที่ฝรั่งต่างชาตินิยมชมชอบ ก็คงจะต้องบอกว่าเราต้องภูมิใจในเอกลักษณ์แห่งความเป็นไทยนี้ไว้และรักษาให้ยั่งยืน และท้ายสุดคงจะต้องฝากบอกว่า ให้ตั้งหน้าตั้งตาเรียนให้จบ เรียนรู้และแสวงหาประสบการณ์ และกลับไปช่วยกันพัฒนาชาติบ้านเรือนทั้งทางตรงและทางอ้อม ให้สมกับที่ทางบ้านตั้งตาคอย